พุทธสูตร

ว่าด้วยเหตุให้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า

[ ๑๒๕ ] พระนครสาวัตถี ฯลฯ
ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
หลุดพ้นเพราะเบื่อหน่าย เพราะคลายกำหนัด
เพราะดับเพราะไม่ถือมั่นรูป ... เวทนา ... สัญญา ...
สังขาร ... วิญญาณ

เทวดา และ มนุษย์ ต่างพากันเรียกว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า .

ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
แม้ภิกษุ ผู้หลุดพ้นได้ ด้วยปัญญาหลุดพ้นแล้ว
เพราะเบื่อหน่าย เพราะคลายกำหนัด เพราะดับ
เพราะไม่ถือมั่น รูป ... เวทนา ... สัญญา ...
สังขาร ... วิญญาณ เราเรียกว่า ผู้หลุดพ้นได้ด้วยปัญญา .

[ ๑๒๖ ] ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ในข้อนั้น จะมีอะไร เป็นข้อแปลกกัน
จะมีอะไร เป็นข้อประสงค์ที่ยิ่งกว่ากัน
จะมีอะไร เป็นเหตุทำให้ต่างกัน ระหว่างพระตถาคต
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า กับภิกษุผู้หลุดพ้นได้ด้วยปัญญา ?

ภิกษุทั้งหลาย กราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมของข้าพระองค์ทั้งหลาย
มีพระผู้มีพระภาคเป็นรากฐาน เป็นแบบฉบับ เป็นที่อิงอาศัย
ขอประทานพระวโรกาส ขออรรถแห่ง ภาษิตนี้จงแจ่มแจ้ง
กะพระผู้มีพระภาคทีเดียวเถิด








ภิกษุทั้งหลาย ได้สดับต่อพระผู้มีพระภาคแล้วจักทรงจำไว้ .

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ถ้าอย่างนั้น เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว .

ภิกษุเหล่านั้น ทูลรับ พระผู้มีพระภาคแล้ว .

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ยังทาง ที่ยังไม่เกิดให้เกิด
ยังประชุมชน ให้รู้จักมรรค ที่ใครๆ ไม่รู้จัก
บอกทาง ที่ยังไม่มีใครบอก เป็นผู้รู้จักทาง
ประกาศทาง ให้ปรากฏ ฉลาดในทาง .

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ก็สาวกทั้งหลาย ในบัดนี้
เป็นผู้ที่ดำเนินไปตามทาง เป็นผู้ตามมาในภายหลัง .

อันนี้แล เป็นข้อแปลกกัน
อันนี้ เป็นข้อประสงค์ยิ่งกว่ากัน
อันนี้ เป็นเหตุทำให้ต่างกัน ระหว่างพระตถาคต
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า กับภิกษุผู้หลุดพ้นได้ด้วยปัญญา .

จบสูตร

 

พระไตรปิฎกฉบับบาลีสยามรัฐ ( ภาษาไทย ) เล่มที่๑๗
พระสุตตันตปิฎกเล่มที่๙สังยุตตนิกายขันธวารวรรค
หน้าที่๖๓ / ๓๑๐หัวข้อที่๑๒๔ - ๑๒๕