อัตถิราคสูตร

[ ๒๔๕ ] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี
ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมา ตรัสว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! อาหาร ๔ อย่าง
เพื่อความดำรงอยู่ของสัตวโลก ที่เกิดมาแล้ว
เพื่ออนุเคราะห์แก่เหล่าสัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด
อาหาร ๔ อย่างนั้น คือ
๑ กวฬีการาหาร หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง
๒ ผัสสาหาร
๓ มโนสัญเจตนาหาร
๔ วิญญาณาหาร

อาหาร ๔ อย่างนี้ แล
เพื่อความดำรงอยู่ ของสัตวโลก ที่เกิดมาแล้ว
หรือ เพื่ออนุเคราะห์ แก่เหล่าสัตว์ ผู้แสวงหาที่เกิด ฯ









[ ๒๔๖ ] ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ถ้าความยินดี ความเพลิดเพลิน ความทยานอยาก
มีอยู่ ในกวฬีการาหารไซร้
วิญญาณ ก็ตั้งอยู่ งอกงาม ในกวฬีการาหาร นั้น
ในที่ใด วิญญาณ ตั้งอยู่ งอกงาม

ในที่นั้น ย่อมมี การหยั่งลง แห่งนามรูป
ในที่ใด มีการหยั่งลง แห่งนามรูป
ในที่นั้น ย่อมมีความเจริญ แห่งสังขารทั้งหลาย
ในที่ใด มีความเจริญ แห่งสังขารทั้งหลาย
ในที่นั้น ย่อมมีการเกิด ในภพใหม่ ต่อไป

ในที่ใด มีการเกิด ในภพใหม่ ต่อไป
ในที่นั้น ย่อมมี ชาติ ชรา มรณะ ต่อไป

ในที่ใด มีชาติ ชรา มรณะ ต่อไป
เราเรียกที่นั้นว่า มีความโศก มีธุลี ( คือราคะ ) มีความคับแค้น

ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ถ้าความยินดี ความเพลิดเพลิน ความทยานอยาก
มีอยู่ ในผัสสาหารไซร้ ...
ถ้าความยินดี ความเพลิดเพลิน ความทยานอยาก
มีอยู่ ในมโนสัญเจตนาหารไซร้ ...
ถ้าความยินดี ความเพลิดเพลิน ความทยานอยาก
มีอยู่ ในวิญญาณาหารไซร้

วิญญาณ ก็ตั้งอยู่ งอกงาม ในวิญญาณาหารนั้น
ในที่ใด วิญญาณ ตั้งอยู่ งอกงาม
ในที่นั้น ย่อมมีการหยั่งลง แห่งนามรูป
ในที่ใด มีการหยั่งลง แห่งนามรูป
ในที่นั้น ย่อมมีความเจริญ แห่งสังขารทั้งหลาย
ในที่ใด มีความเจริญ แห่งสังขารทั้งหลาย
ในที่นั้น ย่อมมี การเกิด ในภพใหม่ ต่อไป
ในที่ใด มีการเกิด ในภพใหม่ ต่อไป

ในที่นั้น ย่อมมี ชาติ ชรา มรณะ ต่อไป
ในที่ใด มีชาติ ชรา มรณะ ต่อไป
เราเรียกที่นั้นว่า มีความโศก มีธุลี มีความคับแค้น ฯ

[ ๒๔๗ ] ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
เมื่อมีน้ำย้อม ครั่ง ขมิ้น สีเขียว หรือสีบานเย็น
ช่างย้อม หรือช่างเขียน พึงเขียนรูปสตรี หรือรูปบุรุษ
ให้มีอวัยวะน้อยใหญ่ ได้ครบถ้วน
ที่แผ่นหินขาว แผ่นกระดาน ฝาผนัง หรือที่ผืนผ้า แม้ฉันใด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ฉันนั้น เหมือนกัน
ถ้าความยินดี ความเพลิดเพลิน ความทยานอยาก
มีอยู่ ในกวฬีการาหารไซร้
วิญญาณ ก็ตั้งอยู่ งอกงาม ในกวฬีการาหารนั้น

ในที่ใด วิญญาณ ตั้งอยู่ งอกงาม
ในที่นั้น ย่อมมีการหยั่งลง แห่งนามรูป
ในที่ใด มีการหยั่งลง แห่งนามรูป
ในที่นั้น ย่อมมีความเจริญ แห่งสังขารทั้งหลาย
ในที่ใด มีความเจริญ แห่งสังขารทั้งหลาย
ในที่นั้น ย่อมมีการเกิด ในภพใหม่ ต่อไป
ในที่ใด มีการเกิด ในภพใหม่ ต่อไป
ในที่นั้น ย่อมมี ชาติ ชรา มรณะ ต่อไป
ในที่ใด มีชาติ ชรา มรณะ ต่อไป
เราเรียกที่นั้นว่า มีความโศก มีธุลี มีความคับแค้น

ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ถ้าความยินดี ความเพลิดเพลิน ความทยานอยาก
มีอยู่ ในผัสสาหารไซร้ ...
ถ้าความยินดี ความเพลิดเพลิน ความทยานอยาก
มีอยู่ ในมโนสัญเจตนาหารไซร้ ...
ถ้าความยินดี ความเพลิดเพลิน ความทยานอยาก
มีอยู่ในวิญญาณาหารไซร้
วิญญาณ ก็ตั้งอยู่ งอกงาม ในวิญญาณาหารนั้น

ในที่ใด วิญญาณตั้งอยู่งอกงาม
ในที่นั้น ย่อมมีการหยั่งลง แห่งนามรูป
ในที่ใด มีการหยั่งลง แห่งนามรูป
ในที่นั้น ย่อมมีความเจริญ แห่งสังขารทั้งหลาย
ในที่ใด มีความเจริญ แห่งสังขารทั้งหลาย
ในที่นั้น ย่อมมี การเกิด ในภพใหม่ ต่อไป

ในที่ใด มีการเกิด ในภพใหม่ ต่อไป
ในที่นั้น ย่อมมี ชาติ ชรา มรณะ ต่อไป
ในที่ใด มีชาติ ชรา มรณะ ต่อไป
เราเรียกที่นั้นว่า มีความโศก มีธุลี มีความคับแค้น ฯ

[ ๒๔๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ถ้าความยินดี ความเพลิดเพลิน ความทยานอยาก
ไม่มีอยู่ ในกวฬีการาหารไซร้
วิญญาณ ก็ไม่ตั้งอยู่ ไม่งอกงาม ในกวฬีการาหารนั้น

ในที่ใด วิญญาณ ไม่ตั้งอยู่ ไม่งอกงาม
ในที่นั้น ย่อมไม่มีการหยั่งลง แห่งนามรูป
ในที่ใด ไม่มีการหยั่งลง แห่งนามรูป
ในที่นั้น ย่อมไม่มีความเจริญ แห่งสังขารทั้งหลาย
ในที่ใด ไม่มีความเจริญ แห่งสังขารทั้งหลาย
ในที่นั้น ย่อมไม่มีการเกิด ในภพใหม่ ต่อไป

ในที่ใด ไม่มีการเกิด ในภพใหม่ต่อไป
ในที่นั้น ย่อมไม่มี ชาติ ชรา มรณะ ต่อไป
ในที่ใด ไม่มีชาติ ชรา มรณะ ต่อไป
เราเรียกที่นั้นว่า ไม่มีความโศก ไม่มีธุลี ไม่มีความคับแค้น ฯ

ภิกษุทั้งหลาย !
ถ้าความยินดี ความเพลิดเพลิน ความทยานอยาก
ไม่มีในผัสสาหาร ...ไม่มีในมโนสัญเจตนาหาร ...
ไม่มีในวิญญาณาหารไซร้

วิญญาณ ก็ไม่ตั้งอยู่ ไม่งอกงาม ในอาหารนั้น
ในที่ใด วิญญาณ ไม่ตั้งอยู่ ไม่งอกงาม
ในที่นั้น ย่อมไม่มีการหยั่งลง แห่งนามรูป
ในที่ใด ไม่มีการหยั่งลง แห่งนามรูป
ในที่นั้น ย่อมไม่มีความเจริญ แห่งสังขารทั้งหลาย
ในที่ใด ไม่มีความเจริญ แห่งสังขารทั้งหลาย
ในที่นั้น ย่อมไม่มี ความเกิด ในภพใหม่ ต่อไป

ในที่ใด ไม่มีความเกิด ในภพใหม่ต่อไป
ในที่นั้น ย่อมไม่มี ชาติ ชรา มรณะ ต่อไป
ในที่ใด ไม่มี ชาติ ชรา มรณะ ต่อไป

ภิกษุทั้งหลาย ! เราเรียกที่นั้นว่า
ไม่มีความโศก ไม่มีธุลี ไม่มีความคับแค้น ฯ

[๒๔๙] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! เรือนยอด[ปราสาท] หรือศาลา
มีสองยอด หน้าต่างด้านทิศตะวันออก อันบุคคล เปิดไปทางเหนือ หรือทางใต้

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นไป
แสงสว่างส่องเข้าไป ทางหน้าต่าง จะพึงตั้งอยู่ ณ ที่ไหน ฯ

ภิกษุเหล่านั้น กราบทูลว่า
ตั้งอยู่ที่ฝาด้านตะวันตก พระเจ้าข้า ฯ

พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ถ้าฝาด้านตะวันตกไม่มีเล่า แสงสว่างนั้นจะพึงตั้งอยู่ ณ ที่ไหน ฯ

ภิ. ที่แผ่นดิน พระเจ้าข้า ฯ

พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ถ้าแผ่นดินไม่มีเล่า แสงสว่างนั้น จะพึงตั้งอยู่ ณ ที่ไหน ฯ

ภิ. ที่น้ำ พระเจ้าข้า ฯ

พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ถ้าน้ำไม่มีเล่า แสงสว่างนั้นจะพึงตั้งอยู่ ณ ที่ไหน ฯ

ภิ. ไม่ตั้งอยู่เลย พระเจ้าข้า ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ฉันนั้น เหมือนกันแล
ถ้าความยินดี ความเพลิดเพลิน ความทะยานอยาก
ไม่มีอยู่ ในกวฬีการาหารไซร้ ... ในผัสสาหารไซร้ ...
ในมโนสัญเจตนาหารไซร้ ... ในวิญญาณาหารไซร้
วิญญาณ ก็ไม่ตั้งอยู่ ไม่งอกงาม ในวิญญาณาหารนั้น

ในที่ใด วิญญาณ ไม่ตั้งอยู่ ไม่งอกงาม
ในที่นั้น ย่อมไม่มีการหยั่งลง แห่งนามรูป
ในที่ใด ไม่มีการหยั่งลง แห่งนามรูป
ในที่นั้น ย่อมไม่มีความเจริญ แห่งสังขารทั้งหลาย
ในที่ใด ไม่มีความเจริญ แห่งสังขารทั้งหลาย
ในที่นั้น ย่อมไม่มี การเกิด ในภพใหม่ ต่อไป

ในที่ใด ไม่มี การเกิด ในภพใหม่ ต่อไป
ในที่นั้น ย่อมไม่มี ชาติ ชรา มรณะ ต่อไป
ในที่ใด ไม่มี ชาติ ชรา มรณะ ต่อไป
เราเรียกที่นั้นว่า ไม่มีความโศก ไม่มีธุลี ไม่มีความคับแค้น ฯ

จบสูตร

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ ( ภาษาไทย ) เล่มที่ ๑๖
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
หน้าที่ ๙๙ / ๒๘๘ หัวข้อที่ ๒๔๕ - ๒๔๖