ตอนที่ ๗
ชีวประวัติ พระสุนทรธรรมากร

(หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ)
วัดธาตุมหาชัย ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม

สัจจะแห่งชีวิต
เมื่อ พ.ศ ๒๕๔๐
หลวงปู่เริ่มมีอาการไม่สบาย ลูกศิษย์ได้พาไปรักษา
ที่โรงพยาบาลนครพนม และได้เดินทางไปรักษาตัว
ที่่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กรุงเทพฯ
ได้มีครอบครัว คุณกรรณภว์ ธนภควิน
และครอบครอบ คุณอรุณี อรุณรัศมีโชติ
เสียค่าใช้จ่ายในการรักษา

ความเมตตา
ในขณะที่หลวงปู่กลับมารักษาตัวอยู่ที่วัดนั้น
ได้มีศิษยานุศิษย์เดินทางมา เพื่อกราบนมัสการหลวงปู่
ทั้งที่ท่านยังป่วยไม่สบาย ท่านก็ลุกมาต้อนรับ
และสนทนาธรรม ท่านบอกว่า
"เขาเดินทางมาไกล เดินทางเป็นวัน"
เราเดินไปรับโยม ไม่กี่ก้าว

หลวงปู่กับศิษย์
เมื่อท่านป่วยไม่สบาย คณะศิษยานุศิษย์
ก็ช่วยกันดูแลอุปัฏฐาก แบ่งเวลาหน้าที่
ข้าพเจ้าได้เองก็ได้เฝ้าไข้ดูแลท่าน
และได้ฟังเรื่องราวต่าง ที่หลวงปู่เล่าให้ฟัง
ประสบการณ์แห่งชีวิต......ดังเรื่องต่อไปนี้

หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ พ.ศ 2540

แผ่เมตตา
หลวงปู่เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า..
เมื่อท่านปฏิบัติธรรมกรรมฐานที่วัดป่าแห่งหนึ่ง
ห่างจากบ้านหนองหอยใหญ่พอสมควร เมื่อท่านทราบว่า สามเณรเปอ ที่พักอยู่วัดบ้านป่วยหนัก
จึงเดินทางไปเยี่ยม พร้อมกับสามเณรสม ซึ่งเป็นสามเณรอุปัฏฐาก

ท่านมีความรู้เรื่องยาสมุนไพรรักษาโรค
เมื่อเยี่ยมไข้ ซักถาม พอสมควรแก่เวลาแล้ว ก่อนจะกลับได้ให้ ธรรมะข้อคิดกับสามเณร ว่า
“สังขาร คือร่างกายไม่เที่ยง มีเกิด มีดับ ให้พิจารณาให้มาก
เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นอนิจจัง มีสุข มีทุกข์ อยู่ดีๆก็ทำให้เจ็บป่วย
มันเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ ต่อไปก็จะหายเอง”


หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ

เส้นทางชีวิต-พยามัจจุราช
ขณะทางเดินกลับนั้น ท่านได้บอกสามเณรว่า
“อย่าเดินชิดกันเกินไป ให้ห่างกันประมาณ ๕ เมตร
และขณะเดินให้กำหนดภาวนาไปเรื่อยๆ”

พอมาถึงบริเวณป่าไผ่แห่งหนึ่ง ที่มีใบปกคลุม
มืดเพราะกิ่งไผ่และต้นมะม่วงป่าได้บังแสงจันทร์ ทำให้เกิดเงามืด
ขณะที่เดินผ่านนั้น ได้ยินเสียงดัง ซ่าๆๆๆ มาจากแนวไผ่ป่า ตรงมายังท่าน

ท่านได้หยุดยืนฟังเสียงนั้น ในขณะที่ท่านหยุดอยู่
เจ้าของเสียงซ่าๆๆ นั้นก็เลื้อยเข้ามาระหว่างเท้าทั้งสองข้างของท่าน
และติดอยู่บริเวณตาตุ่ม ท่านบอกว่า รู้สึกคับและมันไม่ผ่านไปสักที รู้สึกตกใจกลัว

แต่ก็ตั้งสติกำหนดจิตพิจารณาว่า นี้อะไรหนอ?
ถ้าเป็นแมว ทำไมไม่เกาะแข้งพันขา ทำไมหยุดนิ่งทับหลังเท้าอยู่อย่างนี้
ยืนพิจารณาอยู่ตั้งนานไม่ผ่านไปสักที ท่านก็เลยกระดิกนิ้วเท้าเขี่ยดู
เจ้าสิ่งนั้นก็ทิ้งลำตัวลง ทำให้รู้สึกหนักขึ้น

สามเณรที่เดินตามมาได้ร้องขึ้นว่า
ท่านอาจารย์ๆ งูใหญ่ มันแผ่แม่เบี้ย จนพ้นหัวของท่านแล้ว
เมื่อสามเณรร้องเตือนดังนั้น ก็ไม่มีวิธีแก้ไขแล้ว
เพราะถ้ากระดุกกระดิกตัว งูนั้นก็คงจะฉกลงบริเวณ ศีรษะ ท่านพอดี

สละชีวิต
ท่านจึงยื่นนิ่งและตั้งสติกำหนดจิตแผ่เมตตาอธิษฐานในใจว่า
“ ตัวเราไม่เบียดเบียนใคร ตั้งใจบวชอุทิศตนต่อพระพุทธศาสนา
หากแม้หมดวาสนา และเคยมีเวรมีกรรมแก่กันและกันมาก่อน ก็ขอให้งูจงกัดตามชอบใจเถิด
หากไม่มีเวรมีกรรมต่อกัน ก็ขออย่าได้เบียดเบียนกันเลย ให้ต่างคนต่างไปเถิด ”


หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ พ.ศ 2546

พลังแห่งเมตตา
เมื่อกำหนดจิตแผ่เมตตาชั่วอึดใจ งูนั้นก็ค่อยๆ ลดตัวลง
เลื้อยผ่านเข้าไปในพงป่าไผ่ เมื่องูเลื้อยเข้าป่าไปแล้ว
ท่านและสามเณรจึงเดินต่อไป ในระหว่างทางได้พบกับโยมลุงปานถือใต้(คบเพลิง)
เดินสวนทางมา จึงบอกให้ระวังหนทางด้วย เพราะข้างหน้าที่จะผ่านไปนั้น
มีงูใหญ่ตัวหนึ่งอาศัยอยู่ ที่บริเวณป่าไผ่

ลุงเกิดความกลัวไม่กล้าเดินผ่าน เพราะตัวเองแก่สายตาไม่ค่อยดี
หลวงปู่ถือไต้(คบเพลิง)เดินย้อนกลับมา เพื่อส่งลุงอีกครั้ง

เมื่อมาถึงบริเวณนั้น ใช้ไต้ส่องดูเห็นรอยงูเท่ากับฝ่ามือ
ลุงได้ถามว่าเป็นงูอะไร ท่านบอกว่าเป็นงูจงอาง
เพราะที่นั้นรกครึ้มด้วยกอไผ่และต้นมะม่วงป่า มีคนเคยเห็นเจ้างูนั้นบ่อยๆ
คนที่พบส่วนมากจะเป็นคนที่มาเกี่ยวหญ้าคาที่นี้เพื่อนำไปมุงหลังคาบ้าน

หลวงปู่บอกว่า....
เมื่อคราวคับขัน การแผ่เมตตา ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ ก็ช่วยให้เรารอดพ้นจากภัยอันตรายได้

(.......อ่านต่อ)

ตอนที่ ๖ .....๗.... ตอนที่ ๘

รวบรวมโดย พระครูภาวนาสุตาภรณ์ เจ้าอาวาส วัดป่ามหาชัย