พระธาตุพนมล้ม

เมื่อได้เกิดแผ่นดินไหวในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๘
เกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ขึ้นมากมาย ลามจากส่วนบนที่เริ่มปริร้าวลงมายังฐาน
องค์พระธาตุพนมก็เริ่มเอียงจากแกนเดิม ต่อมาเข้าช่วงฤดูฝน ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม
มีฝนตกหนักเกือบทุกวัน และมีลมแรงพัดตลอดเวลารอยร้าวที่มีแต่เดิมเริ่มแยกออกกว้างขึ้น

วันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ ๒๕๑๘

ตอนเช้า ฐานพระธาตุพนมด้านทิศตะวันออก ผนังปูนตรงลวดลายประตูจำหลักซึ่งอยู่
กึ่งกลางของด้านตลอดถึงส่วนที่เป็นซุ้มทรงบายศรี ปูนกะเทาะหลุดร่วงลงมาทั้งแผ่นล่วงมา
ถึงเวลาเย็นอิฐหลุดร่วงจะได้ยินเสียงครืดคราดออกมาจากภายในองค์พระธาตุส่วนฐานนั้น อิฐร่วงลงมาเป็นระยะ ๆ
ทะลวงลึกเข้าไปเป็นช่องเหมือนถูกคว้านให้เป็นโพรงอยู่ภายในฐาน

การหลุดร่วงของอิฐในตอนนี้มีทั้งอิฐและดินหล่นลงมา
จนกระทั่งมองเห็นหินแท่งยาวแบนอยู่ภายในแท่งหินทำให้เข้าใจว่า
ส่วนฐานขององค์พระธาตุพนมภายในเป็นดินมากกว่าอิฐหรือหิน องค์พระธาตุเอียงไปทางทิศตะวันออกจนเห็นได้ชัด
ครั้นถึงเวลา ๑๙.๓๘ น. พระธาตุพนมได้ล้มทลายลงมาทั้งองค์

องค์พระธาตุพนมได้หักล้มลงไปทางทิศตะวันออกทั้งองค์ ทับวัตถุก่อสร้างอยู่ในบริเวณนั้น
เช่น หอพระทิศเหนือและทิศใต้ ศาลาการเปรียญและและพระวิหารหอพระแก้วเสียหายทั้งหมด
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากฐานหรือพระธาตุชั้นที่ ๑ ซึ่งสร้างในสมัยแรกนั้นเก่าแก่มาก และไม่สามารถทานน้ำหนักส่วนบนได้
จึงเกิดพังทลายลงมาดังกล่าว

ภาพพระธาตุพนมล้ม

รอยร้าวพระธาตุพนม

ฐานพระธาตุพนม

พระธาตุพนมพังทลาย

ภาพพระธาตุพนมล้ม

พระอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอุรังคธาตุ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ
และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมารฯ
เสด็จวัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
 

สาเหตุการพังทลายขององค์พระธาตุพนม  

อาการพังทลายไม่ได้ทรุดที่ฐาน หากเริ่มจากยอดที่เป็นน้ำหนัก ในแนวดิ่งที่หนักมาก
มากดคอบัวฐานชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ให้บิออกเป็นแนวฉีกลึกไปในเจดีย์ เพราะอิฐเปียกยุ่ยจากฝนตก
ติดต่อกันอย่างหนัก ต่อจากนั้นอิฐผนังที่ยุ่ยอยู่แล้วก็ค่อย ๆ ทลายลงเป็นแถบ ๆ ยอดเจดีย์กด
พุ่งลงมาตามแนวดิ่งหักลงเป็นท่อน ๆ องค์พระธาตุได้ล้มฟาดลงมาทางทิศตะวันออก
แตกหักออกเป็นท่อน มีลักษณะเป็น 3 ตอน คือ

    ตอนที่ 1  คือฐานชั้นล่างที่ก่อด้วยอิฐแดงจำหลักลวดลายสูง 8 เมตร คือดอนที่เก่าที่สุด
สร้างด้วยอิฐเรียงสอด้วยวัตถุเหนียวแตกทับตัวเอง หลุดร่วงและล้มเป็นกองเศษอิฐแตกกระจายออกทั้ง 4 ด้าน
พูนขึ้นเป็นกองอิฐขนาดใหญ่

    ตอนที่ 2  ระหว่างเรือนธาตุชั้นที่ 2 กับฐานบัลลังก์เป็นส่วนที่ได้รับการบูรณะในภายหลังแตกออกเป็น 2 ท่อน
ท่อนล่างละเอียดหมด ท่อนบนยังดีอยู่ ล้มกองไปตามทางทิศตะวันออก

    ตอนที่ 3  คือส่วนยอดที่สร้างครอบยอดเดิมไว้เมื่อครั้ง พ.ศ. 2483 เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กยาวประมาณ 20 เมตร
(ความสูงใหญ่ 10 เมตร ระยะของความสูงเดิมจากฐานบัลลังก์ขึ้นไป) หักล้มไปทางทิศตะวันออก
ทับศาลาการเปรียญหรือโรงธรรมสภาแหลกละเอียด
และหอพระแก้วราบทะลายลงไปทั้งสองหลังเฉพาะหอพระแก้วเหลือแต่เพียงมุขด้านหน้าไว้เท่านั้น
ส่วนฉัตรที่ทำด้วยทองคำสวมยอดพระธาตุนั้น เอนปะทะพิงอยู่กับผนังหอพระแก้ว
ความเสียหายของฉัตรบุบสลายเพียงเล็กน้อย

ความเสียหายเนื่องจากพระธาตุพนมล้ม มีดังนี้

     1. กำแพงแก้วรอบองค์พระธาตุพนมชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2
     2. หอข้าวพระทรงปราสาทยอดมณฑป ซึ่งสร้างในสมัยเจ้าพระยานครหลวงพิชิตทศทิศราชธานีศรีโคตรบูรหลวง
บูรณะพระธาตุพนมเมื่อ พ.ศ. 2153
     3. ศาลาการเปรียญหรือโรงธรรมสภาสร้างเมื่อ พ.ศ. 2466
     4. วิหารหอพระแก้ว หรือวิหารหลวง แรกสร้างในสมัยพระเจ้าโพธิสารได้บูรณะพระธาตุพนม เมื่อราว พ.ศ. 2073
     5. หอพระด้านทิศเหนือและทิศใต้

      ส่วนพระอุโบสถซึ่งอยู่ด้านทิศใต้ของหอพระแก้ว รอดพ้นอันตรายไปได้อย่างหวุดหวิด
เพราะอาคารทั้งสองสร้างอยู่ใกล้ชิดกันมาก (ระยะห่างเพียง 5 เมตรเท่านั้น)

จากการศึกษาของคณะอนุกรรมการ

เพื่อรักษาสภาพเดิมขององค์พระธาตุพนม และบริษัทวิศวกรรมที่เข้ามาศึกษาหาสาเหตุภัยพิบัติครั้งนี้
ได้ตั้งสมมุติฐานไว้ดังนี้คือ
     1. ฐานรากขององค์พระธาตุทรุดตัวไม่เท่ากัน ทำให้อาคารเสียการทรงตัว
     2. วัสดุก่อสร้างซึ่งสร้างมานาน เป็นอิฐบางส่วนเสื่อมสภาพไม่สามารถรับน้ำหนักดีเท่าด้านอื่น
ทำให้เสียศูนย์ จึงล้มพังทลาย
     3. เกิดจากแรงกดน้ำหนักภายในของวัสดุในองค์พระธาตุพนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือความชื้น
จนผนังอิฐบางส่วนทนรับน้ำหนักไม่ไหว แตกร้าวล้มในที่สุด

จากการศึกษาของบริษัทวิศวกรรม

ได้ขุดศึกษาชั้นดินลงมาพบชั้นกรวดในระดับความลึก 20 เมตร ซึ่งจัดว่าเป็นชั้นรากฐานที่ดีมาก
และไม่มีการทรุดตัวของชั้นดินโดยรอบเลย ประเด็นในข้อที่ 1 จึงตกไป

      ส่วนในข้อที่ 2 และ 3 นั้น มีเค้าความเจริญอยู่มาก แต่ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในกรณีทั่วๆ ไป
เป็นพฤติกรรมต่อเนื่องที่สร้างสมติดต่อกันมาไม่น้อยกว่าสามสิบปี กล่าวคือ
เมื่อมีการต่อยอดโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กซึ่งเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ ในปี พ.ศ. 2483-2484 นั้น
ไม่มีการเสริมความแข็งแรงฐานเรือนธาตุทั้งสองชั้นใหม่ ทั้งที่ฐานทั้งสองต้องแบกน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล

ความแข็งแรงมั่นคง
เท่าที่มีอยู่ได้กลับเป็นความรอบคอบของท่านราชครูหลวงโพนสะเม็ก
การต่อยอดครั้งนั้นได้อัดอิฐดินภายในโพรงอาคารเดิมจนทึบตันรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
และลำพังอิฐก่อสร้างอาคารในส่วนที่ดีอยู่นั้น (อยู่ในช่วงประมาณ พ.ศ. 1300-1400)
มีความแข็งแรงเกือบเท่าคอนกรีต

      ความแข็งแรงทั้งหมดนี้จึงแยกน้ำหนักของยอดอาคารองค์พระธาตุได้เป็นอย่างดียิ่ง
ต่อเมื่อมีการต่อยอดเสริมขึ้นใหม่นั้นเปิดช่องระบายอากาศทุกด้าน ช่องเหล่านี้เป็นทางให้น้ำฝนสาดเข้าไปได้
แต่ไม่ได้เปิดทางระบายน้ำไว้ เมื่อน้ำเข้าไปช่องเหล่านี้ก็จะไหลไปกองอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งที่ไม่ได้ระดับ
น้ำเหล่านี้ค่อย ๆ ซึมเซาะอิฐให้เสื่อมสภาพไปอย่างช้า ๆ จนฐานรากไม่สามารถรับน้ำหนักท่อนบนไหว
พังทลายลงมาทั้งองค์


ผอูบบรรจุพระอุรังคธาตุ วัดพระธาตุพนม


ภาพการก่อสร้าพระธาตุพนมองค์ใหม่ พ.ศ ๒๕๒๑
แทนองค์เก่าที่พังทลาย เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๑๘
ณ ฐานที่ตั้งองค์เดิมพระธาตพนม
เสร็จสิ้นเมื่อปี พ.ศ ๒๕๒๒

พระธาตุพนม องค์สร้างขึ้นใหม่

พระราชพิธียกฉัตรพระธาตุพนม

จากเหตุการณ์ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน
ทำให้องค์พระธาตุพนม พุทธศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองนครพนม
อายุ ๒, ๐๐๐ ปี ทรุดตัวพังทลายลงทั้งองค์
เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๘

รัฐบาลและประชาชนชาวไทยได้ร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์
องค์พระธาตุให้สง่างามดังเดิม เมื่อแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดการพระราชพิธียกฉัตร
ยอดองค์พระธาตุพนมในวันที่ ๒๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๒
และได้เสด็จพระราชดำเนินไป ในพระราชพิธีเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
ขึ้นบรรจุในองค์พระธาตุพนม เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ปีเดียวกัน
ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม



ที่มาของภาพ/ข้อมูล
http://www.haii.or.th/


..........................................................................................................
ที่มา   http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=9235.415
ขอบคุณภาพจาก
http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=9235.50
http://www.oknation.net/, http://f.ptcdn.info/
http://www.suebpong.rmutl.ac.th/ , http://webiz.co.th/
http://i.ytimg.com/ ,http://www.thatphanom.com/




ประวัติวัดพระธาตุพนม สถูปอิฐเดิมพระธาตุนม        ภาพเก่าพระธาตุพนม      ศิลปะสถาปัตยกรรม
คำบูชาพระธาตุพนม ๑๐ ทิศ พระธาตุพนมล้ม ๗ พระธาตุประจำวันเกิด พระธาตุประจำปีเกิด