|        อานิสงส์ของการเจริญสติปัฏฐาน ๔  (นำ) หันทะ มะยัง มะหาสะติปัฏฐานานิสังสะปาฐัง ภะณามะ เส ฯ 
 (รับ) โย หิ โกจิ ภิกขะเว
 - ภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้หนึ่งผู้ใด
  อิเม จัตตาโร สะติปัฏฐาเน เอวัง ภาเวยยะ สัตตะ วัสสานิ - พึงเจริญสติปัฏฐานสี่อย่างนี้ อย่างนี้ตลอด ๗ ปี
  ตัสสะ ทะวินนัง ผะลานัง อัญญะตะรัง ผะลัง ปาฏิกังขัง - เขาพึงหวังผล ๒ ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง
  ทิฏเฐวะ ธัมเม อัญญา - คือพระอรหัตตผล ในปัจจุบันชาตินี้
  สะติ วา อุปาทิเสเส อะนาคามิตา - หรือเมื่ออุปาทิ คือสังโยชน์ยังเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี
   ติฏฐันตุ ภิกขะเว สัตตะวัสสานิ - ภิกษุทั้งหลาย เจ็ดปียกไว้ก็ได้
   โย หิ โกจิ ภิกขะเว - ภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้หนึ่งผู้ใด
  อิเม จัตตาโร สะติปัฏฐาเน เอวัง ภาเวยยะ ฉะ วัสสานิ จะ, ปัญจะ วัสสานิ จะ จัตตาริ วัสสานิ จะ ตีณิ วัสสานิ จะ, ทะเว วัสสานิ จะ เอกัง วัสสัญจะ
 - พึงเจริญสติปัฏฐานสี่อย่างนี้ อย่างนี้ตลอดหกปี ห้าปี สี่ปี สามปี สองปี หรือหนึ่งปีก็ดี
  ตัสสะ ทะวินนัง ผะลานัง  อัญญะตะรัง ผะลัง ปาฏิกังขัง - เขาพึงหวังผล ๒ ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง
  ทิฏเฐวะ ธัมเม อัญญา - คือพระอรหัตตผล ในปัจจุบันชาตินี้
  สะติ วา อุปาทิเสเส อะนาคามิตา - หรือเมื่ออุปาทิ คือสังโยชน์ยังเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี
  ติฏฐันตุ ภิกขะเว ฉะ วัสสานิจะ ปัญจะ วัสสานิ จะ,จัตตาริ วัสสานิ จะ ตีณิ วัสสานิ จะ ทะเว วัสสานิ จะ เอกัง วัสสัญจะ
 - ภิกษุทั้งหลาย หกปี ห้าปี สี่ปี สามปี สองปี
 หรือหนึ่งปีก็ดี ยกไว้ก็ได้
    โย หิ โกจิ ภิกขะเว - ภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้หนึ่งผู้ใด
  อิเม จัตตาโร สะติปัฏฐาเน เอวัง ภาเวยยะ สัตตะ มาสานิ - เจริญสติปัฏฐานสี่อย่างนี้ อย่างนี้ตลอดเจ็ดเดือน
  ตัสสะ ทะวินนัง ผะลานัง อัญญะตะรัง ผะลัง ปาฏิกังขัง - เขาพึงหวังผล ๒ ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง
  ทิฏเฐวะ ธัมเม อัญญา - คือพระอรหัตตผล ในปัจจุบันชาตินี้
  สะติ วา อุปาทิเสเส อะนาคามิตา - หรือเมื่ออุปาทิ คือสังโยชน์ยังเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี
   ติฏฐันตุ ภิกขะเว สัตตะ มาสานิ- ภิกษุทั้งหลาย เจ็ดเดือนยกไว้ก็ได้
   โย หิ โกจิ ภิกขะเว - ภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้หนึ่งผู้ใด
  อิเม จัตตาโร สะติปัฏฐาเน เอวัง ภาเวยยะ ฉะ มาสานิ จะ,ปัญจะ มาสานิ จะ จัตตาริ มาสานิ จะ ตีณิ มาสานิ จะ,
 ทะเว มาสานิ จะ มาสัง จะ อัฑฒะมาสัญจะ
 - พึงเจริญสติปัฏฐานสี่อย่างนี้ อย่างนี้ตลอดหกเดือน ห้าเดือน
 สี่เดือน สามเดือน สองเดือน หนึ่งเดือน หรือกึ่งเดือนก็ดี
  ตัสสะ ทะวินนัง ผะลานัง อัญญะตะรัง ผะลัง ปาฏิกังขัง - เขาพึงหวังผล ๒ ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง
  ทิฏเฐวะ ธัมเม อัญญา - คือพระอรหัตตผล ในปัจจุบันชาตินี้
  สะติ วา อุปาทิเสเส อะนาคามิตา - หรือเมื่ออุปาทิ คือสังโยชน์ยังเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี
   ติฏฐะตุ ภิกขะเว อัฑฒะมาโส- ภิกษุทั้งหลาย กึ่งเดือนยกไว้ก็ได้
   โย หิ โกจิ ภิกขะเว - ภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้หนึ่งผู้ใด
  อิเม จัตตาโร สะติปัฏฐาเน เอวัง ภาเวยยะ สัตตาหัง- เจริญสติปัฏฐานสี่อย่างนี้ อย่างนี้ตลอดเจ็ดวัน
  ตัสสะ ทะวินนัง ผะลานัง อัญญะตะรัง ผะลัง ปาฏิกังขัง - เขาพึงหวังผล ๒ ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง
  ทิฏเฐวะ ธัมเม อัญญา - คือ พระอรหัตตผลในปัจจุบันชาตินี้
  สะติ วา อุปาทิเสเส อะนาคามิตา - หรือเมื่ออุปาทิ คือสังโยชน์ยังเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี
   เอกายะโน อะยัง ภิกขะเว มัคโค- ภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก
  สัตตานัง วิสุทธิยา- เพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ทั้งหลาย
  โสกะปะริเทวานัง สะมะติกกะมายะ- เพื่อล่วงซึ่งความโศกและปริเทวะ
  ทุกขะโทมะนัสสานัง อัฏฐังคะมายะ- เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส
  ญายัสสะ อะธิคะมายะ - เพื่อการบรรลุธรรมที่ถูกต้อง
  นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ- เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
   ยะทิทัง จัตตาโร สะติปัฏฐานา- หนทางนี้ คือสติปัฏฐานสี่ ด้วยประการฉะนี้แล
  อิติ ยันตัง วุตตัง- คำที่เรากล่าวมาแล้วนี้
  อิทะเมตัง ปะฏิจจะ วุตตันติ - เราอาศัยสติปัฏฐานสี่นี้นั้น กล่าวแล้ว ดังนี้
  มหา. ที. ๑๐/๓๒๒-๓๙๑/๒๗๓-๓๐๐ 
 จบมหาสติปัฏฐานสูตร
 
 ดูกรอานนท์ ! ตถาคตจะชื่อว่า อันบริษัทสักการะ
 เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม ด้วยเครื่องสักการะประมาณเท่านี้หามิได้
 ผู้ใดแล จะเป็น ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก หรืออุบาสิกาก็ตาม
 เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตามธรรมอยู่
 ผู้นั้น ย่อมชื่อว่าสักการะ เคารพนับถือ บูชาตถาคต ด้วยการบูชาอย่างยอด
 
 เพราะเหตุนั้นแหละอานนท์ พวกเธอพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า
 เราจักเป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
 ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรมอยู่ ดังนี้ ฯ
  มหา. ที. ๑๐/๑๑๒/๑๒๙                |