|  อิริยาบถบรรพ  (นำ) หันทะ มะยัง อิริยาปะถะปัพพะปาฐัง ภะณามะ เส ฯ  (รับ) ปุนะ จะปะรัง ภิกขะเว ภิกขุ- ภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง
  คัจฉันโต วา คัจฉามีติ ปะชานาติ- ภิกษุเมื่อเดิน ก็รู้ชัดว่า เราเดินอยู่
  ฐิโต วา ฐิโตมหีติ ปะชานาติ- เมื่อยืน ก็รู้ชัดว่า เรายืนอยู่
  นิสินโน วา นิสินโนมหีติ ปะชานาติ- เมื่อนั่ง ก็รู้ชัดว่า เรานั่งอยู่
  สะยาโน วา สะยาโนมหีติ ปะชานาติ- เมื่อนอน ก็รู้ชัดว่า เรานอนอยู่
  ยะถา ยะถา วา ปะนัสสะ กาโย ปะณิหิโต โหติ- เธอตั้งกายไว้ด้วยอาการอย่างใดๆ
  ตะถา ตะถา นัมปะชานาติ- ก็รู้ชัดอาการอย่างนั้นๆ
   อิติ อัชฌัตตัง วา กาเย กายานุปัสสี วิหะระติ- ด้วยอาการอย่างนี้ ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกาย ภายในบ้าง
  พะหิทธา วา กาเย กายานุปัสสี วิหะระติ- พิจารณาเห็นกายในกาย ภายนอกบ้าง
  อัชฌัตตะพะหิทธา วา กาเย กายานุปัสสี วิหะระติ- พิจารณาเห็นกายในกาย ทั้งภายในและภายนอกบ้าง
  สะมุทะยะธัมมานุปัสสี วา กายัส๎มิง วิหะระติ- พิจารณาเห็นธรรม คือความเกิดขึ้น ในกายบ้าง
  วะยะธัมมานุปัสสี วา กายัส๎มิง วิหะระติ- พิจารณาเห็นธรรม คือความเสื่อมไป ในกายบ้าง
  สะมุทะยะวะยะธัมมานุปัสสี วา กายัส๎มิง วิหะระติ- พิจารณาเห็นธรรม ทั้งความเกิดขึ้นและเสื่อมไป ในกายบ้าง
  อัตถิ กาโยติ วา ปะนัสสะ สะติ ปัจจุปัฏฐิตา โหติ- อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า กายมีอยู่
  ยาวะเทวะ ญาณะมัตตายะ ปะติสสะติมัตตายะ- เพียงสักว่ารู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น
  อะนิสสิโต จะ วิหะระติ- เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฏฐิอาศัยไม่ได้
  นะ จะ กิญจิ โลเก อุปาทิยะติ- ไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก
  เอวัมปิ ภิกขะเว ภิกขุ กาเย กายานุปัสสี วิหะระติ- ภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายอยู่
 |